การบ้านครั้งที่ 1
1 1. จงอธิบายความหมายของคำดังต่อไปนี้
พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน
-
เทคโนโลยี
หมายถึงการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือความรู้ด้านอื่นๆ
ที่ได้จัดระเบียบดีแล้วมาประยุกต์ในด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้งานนั้นมีความสามารถและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
-
สารสนเทศ หมายถึง
ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการเก็บรวบรวมและเรียบเรียง
เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้
-
เทคโนโลยีสารสนเทศ
หมายถึง การนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานที่เกี่ยวกับการประมวลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศ
ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อช่วยในการสื่อสาร
และการส่งผ่านข้อมูลและสานสนเทศได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
-
ข้อมูล หมายถึง
ข้อเท็จจริงที่เกียวกับเหตุการณ์ ปรากฏการณ์ คน สิ่งของ ฯลฯ
ที่เราสนใจบันทึกเก็บไว้ใช้งาน
-
ฐานความรู้ หมายถึง
สารสนเทศที่ได้จัดเป็นโครงสร้างความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์
ความเชี่ยวชาญและต้องมีคุณค่าเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานต่างๆ
2. โครงสร้างสารสนเทศมีอะไรบ้าง
จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
1.
ระดับล่างสุด
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ทำงานประมวลผลข้อมูล ซึ่งเรียกว่าระบบการประมวลผลรายการ
2.
ระดับที่สอง
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศ
เพื่อใช้ในการวางแผนการตัดสินใจและการควบคุมที่เกี่ยวเนื่องกับงานประจำวัน
ซึ่งรียกว่าการควบคุมการดำเนินงาน
3.
ระดับที่สาม
ดป็นการใช้คอมพิวเตอร์จำทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหารจัดการระดับกลางใช้ในการจัดการและวางแผนระยะสั้นตั้งแต่
6 เดือน ถึง 1 ปี
ซึ่งเรียกว่างานควบคุมการจัดการ
4.
ระดับที่สี่
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหารจัดการระหับสูง
สำหรับใช้ในงานวางแผนระยะยาว ซึ่งเรียกว่าการวงแผนกุลยุทธ์
3 3. วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศมีอะไรบ้าง
จงอธิบายและยกตัวอย่าง
1.
ประยุกต์ประมาลผลข้อมูล
เป็นยุคแรกๆของการใช้ระบบคอมพิวเตอร์วัตถุประสงค์ช่วงนั้นคือเพื่อการคำนวณและการประมาลผลข้อมูลประจำวันเพื่อลดค่าใช้จ่ายและบุคลากรลง
2.
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
เป็นยุคที่มีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในงานด้านการตัดสินใจ ดำเนินการ
ควบคุมติดตามผล ตลอดจนวิเคราะห์งานของผู้บริหาร
3.
ระบบการจัดการทรัพยากรสารสนเทศ
เป็นการเรียกใช้สารสนเทศ เพื่อที่จะช่วยในการตัดสินใจ
ในการนำองค์กรหรือหน่วยงานไปสู่เป้าหมายอันเป็นความสำเร็จ
4.
ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญอย่างรวดเร็ว
เพื่อให้มีทางเลือกและเกิดรูปแบบใหม่ๆของสินค้าและบริการรวมเรียกว่าเป็นที่มีการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคม
เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศ โดยมุ่งเน้นของการให้บริการสารสนเทศ
การบ้านครั้งที่ 2
1.จงอธิบายความหมาย พร้อมยกตัวอย่างของคำดังต่อไปนี้
1. Hardware เป็น ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ หมายถึง ส่วนที่เป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประกอบขึ้นมาใช้งานได้ ซึ่งสามารถแบ่งส่วนประกอบได้ 3 ส่วนที่สาคัญ คือ อุปกรณ์รับข้อมูล อุปกรณ์ของหน่วยประมวลผล และ อุปกรณ์แสดงผล
§ ตัวอย่างเช่น เมาส์ แป้นพิมพ์ แทร็กบอล จอภาพ เป็นต้น
2.Software เป็นส่วนของโปรแกรมหรือชุดคำสั่ง เพื่อที่จะสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวอาจจะเขียนอยู่ในรูปของภาษาเครื่องที่จะทำให้เครื่องเข้าใจและทำงานได้โดยตรง
§ ตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์ระบบ คือซอฟต์แวร์ที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบคือดำเนินงานพื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรอง
เมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ทันทีที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะทำงานตามโปรแกรมทันที โปรแกรมแรกที่สั่งคอมพิวเตอร์ทำงานนี้เป็นซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบอาจเก็บไว้ในรอม หรือในแผ่นจานแม่เหล็ก หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบ คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้
ซอฟต์แวร์ระบบยังใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ และยังรวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาต่าง ๆ เป็นต้น
3. Peopleware หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
§ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการระบบ (System Manager)คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน ส่วนนักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)คือ ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทาการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู่เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน เป็นต้น
4. Data คือ ข้อเท็จจริงหรือสาระต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับงานที่ปฏิบัติ อาจเป็นตัวเลขหรือข้อความที่เกิดขึ้นจาก การดำเนินงาน หรือที่ได้จากหน่วยงานอื่น ๆ ข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในการตัดสินใจได้ทันที จะนำไปใช้ได้ก็ต่อเมื่อผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว
§ ตัวอย่างเช่น คน สถานที่ สิ่งของต่าง ๆ ซึ่งมีการเก็บรวบรวมเอาไว้ และสามารถนำไปประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้สามารถเรียกเอามาใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง โดยข้อมูลอาจเป็นตัวเลข สัญลักษณ์ ตัวอักษร เสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น
5. Information คือสิ่งที่ได้จากการประมวลผลของข้อมูล เพื่อให้สามารถนามาใช้ประโยชน์ในด้านการวางแผน การพัฒนา การควบคุม และการตัดสินใจ สารสนเทศที่ดีจะต้องมีความถูกต้อง สมบูรณ์ น่าเชื่อถือ มีความทันสมัย โดยมีรูปแบบการนาเสนอที่สวยงาม ชัดเจน น่าสนใจ และเข้าใจได้ง่าย
§ ตัวย่างเช่น การสรุปจำนวนนักเรียนทุกชั้นเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรูปแบบของกราฟเส้น เป็นต้น
2. หากนักศึกษาเป็นเจ้าของธุรกิจ ดังต่อไปนี้ (เลือก 1 ธุรกิจ) จะนำองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ ได้แก่ Hardware ,Software และ People ware ใดมาใช้ในธุรกิจบ้าง เพราะเหตุใดจงอธิบาย
ร้านขายของสะดวกซื้อ ซึ่งจะนำองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์มาใช้ ได้แก่
- Hardware เช่น เครื่องอ่านบาร์โค้ด เป็นต้น เพราะจะได้นำมาใช้ในการอ่านราคาสินค้าในร้าน
- Software ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน เพราะต้องมีการจัดเก็บบันทึกข้อมูลสินค้าในร้าน และการคำนวณราคาสินค้า
People ware เช่น โปรแกรมเมอร์ ผู้ใช้ เป็นต้น เพราะในการใช้งานทั้ง Hardware และSoftware ต้องมี โปรแกรมเมอร์ในการเขียนคำสั่ง มีผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์
3.ให้นักศึกษา แสดงข้อมูล จำนวน 1 ชุด พร้อมทั้งแสดงในรูปแบบของระบบสารสนเทศ
ผลการเรียนนักเรียนนักเรียนชั้น ป.3
โรงเรียนระยองระยองพาณิชยการ
| ||||||||
เลขที่
|
ชื่อ-สกุล
|
งานเดี่ยว
20
|
งานกลุ่ม
10
|
สอบกลางภาค
30
|
สอบปลายภาค
30
|
จิตพิสัย
10
|
คะแนนรวม
100
|
เกรด
|
1
|
ด.ช.กอบ อาจหาญ
|
16
|
8
|
29
|
28
|
9
|
90
|
B+
|
2
|
ด.ช.เก่ง คงกาง
|
19
|
7
|
20
|
17
|
8
|
71
|
C
|
3
|
ด.ญ.กุ้ง ใจดี
|
15
|
10
|
20
|
26
|
9
|
80
|
B
|
4
|
ด.ช.เอก แก้วกล้า
|
19
|
9
|
25
|
28
|
10
|
91
|
A
|
5
|
ด.ญ.กิ่งแก้ว มิ่งขวัญ
|
20
|
8
|
27
|
24
|
8
|
87
|
B+
|
6
|
ด.ญ.ดอกรัก ไมตรี
|
17
|
8
|
26
|
28
|
9
|
88
|
B+
|
7
|
ด.ญ.มะปราง สุขดี
|
16
|
7
|
23
|
29
|
9
|
84
|
B
|
8
|
ด.ช.ก้อง อุ้มแก้ว
|
19
|
10
|
22
|
26
|
9
|
86
|
B+
|
9
|
ด.ญ.ขวัญ โอบอ้อม
|
15
|
9
|
26
|
25
|
10
|
85
|
B
|
10
|
ด.ช.เกียรติชัย มากชัย
|
17
|
8
|
22
|
25
|
8
|
80
|
B
|
MAX
|
91
|
A
| ||||||
MIN
|
71
|
C
| ||||||
AVERAGE
|
84.2
|
การบ้านครั้งที่3
1. ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์
แบ่งได้กี่วิธี อะไรบ้าง
ตอบ ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์ แบ่งได้ 3วิธี ดังนี้
1.
ขั้นเตรียมข้อมูล
เป็นการเตรียมข้อมูลเพื่อให้สะดวกต่อการประมวลผล ซึ่งมี 4 วิธี
1.1 การลงรหัส
1.2 การตรวจสอบ
1.3 การจำแนก
1.4 การบันทึกข้อมูลลงสื่อ
2.
ขั้นตอนการประมวลผล
คือ
เป็นการนำเอาโปรแกรมที่เขียนขึ้น
มาใช้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้เตรียมไว้และข้อมูลยังคงเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นวิธีการผลิตสารสนเทศต่างๆ เช่น
2.1 การคำนวณ
2.2 การเรียงลำดับข้อมูล
2.3 การสรุป
2.4 การเปรียบเทียบ
3.
ขั้นตอนการแสดงผลลัพธ์
เป็นขั้นตอนการเผยแพร่สารสนเทศให้กับผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆ อาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร
รายงาน การนำเสนอบนจอภาพ โดยการใช้คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
2.จงเรียงลำดับโครงสร้างข้อมูลจากขนาดเล็กไปใหญ่
พร้อมอธิบายความหมายของโครงสร้างข้อมูลแต่ละแบบ
ตอบ
• บิต(Bit)
• หน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูล
• เลขฐาน 2 คือ 0,1
• ไบต์(Byte)
• การนำบิตมารวมกัน
• เรียกว่า ตัวอักขระ,ตัวอักษร
• ฟิลด์(Field)
• การนำไบต์หลาย ๆ ไปมารวมกัน
• เรียกว่า เขตข้อมูล
• เรคอร์ด (Record)
• การนำฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์มารวมกัน
• เรียกว่า ระเบียน
• ไฟล์ (File)
• การเรคอร์ดหลาย ๆ เรคอร์ดมารวมกัน
• เรียกว่า แฟ้มข้อมูล
• ฐานข้อมูล (Database)
• การนำไฟล์หลาย ๆ ไฟล์มารวมกัน
• เรียกว่า ฐานข้อมูล
3.หากนำเอาระบบฐานข้อมูลมาใช้ในหน่วยงานที่นักศึกษาทำงานอยู่
สามารถมีแฟ้มข้อมูลใดบ้าง และระบบฐานข้อมูลนั้นมีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร
ตอบ แฟ้มข้อมูลรายชื่อพนักงาน
แฟ้มข้อมูลประวัติการทำงาน แฟ้มข้อมูลการอบรม
ระบบฐานข้อมูลนี้มีประโยชน์ต่อองค์กรคือ
บริษัทสามารถเช็คข้อมูลได้ทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือต้องการทราบว่าพนักงานคนนี้เป็นพนักงานของบริษัทหรือไม่
4.จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการประมวลผลข้อมูลแบบแบทช์และแบบเรียลไทม์
ตอบ การประมวลผลข้อมูลแบบแบทช์เป็นรวบรวมข้อมูล
และแบ่งแยกข้อมูลออกเป็นกลุ่ม ๆ แล้วจึงส่งเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำการประมวลผลครั้งเดียว จะไม่มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้ใช้งานกับ
เครื่องคอมพิวเตอร์
ส่วนการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์
เป็นการประมวลผลที่เมื่อทำการส่งข้อมูลเข้าไปในคอมพิวเตอร์แล้วจะได้ผลลัพธ์ออกมาทันทีแสดงผลข้อมูลทันทีทันใด
โดยแสดงผลทางOutput เช่น การใช้บริการบัตรเครดิตตามห้างร้านต่าง ๆ
การบ้านครั้งที่ 4
บทที่ 4 การสื่อสารข้้อมูลบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์์
1. สื่อกลางประเภทมีสายแต่ละประเภท มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง
จงเปรียบเทียบ
ตอบ
ประเภท
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
|
- สายทองแดงแบบไม่หุ้มฉนวน(Unshield Twisted Pair)
|
มีราคาถูกและนิยมใช้กันมากที่สุด ส่วนใหญ่มักใช้กับระบบโทรศัพ
|
สายแบบนี้มักจะถูกรบกวนได้ง่าย
และไม่ค่อยทนทาน
|
- สายทองแดงแบบหุ้มฉนวน(Shield Twisted Pair)
|
มีราคาถูก
ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบาและ การรบกวนทางไฟฟ้าต่ำ
|
ระยะทางจำกัด
|
- สายโคแอคเชียล (Coaxial)
|
ป้องกันการสะท้อนกลับ
ส่งสัญญาณได้ไกลถึง 2 กม.
ลดการรบกวนจากภายนอกได้ดี
|
ราคาแพงและติดตั้งได้ยากกว่า
|
- ใยแก้วนำแสง (Optic Fiber)
|
1. ป้องกันการรบกวนจากสัญญาณไฟฟ้าได้มาก
2. ส่งข้อมูลได้ระยะไกลโดยไม่ต้องมีตัวขยายสัญญาณ 3. การดักสัญญาณทำได้ยาก ข้อมูลจึงมีความปลอดภัยมากกว่าสายส่งแบบอื่น 4. ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงและสามารถส่งได้มาก ขนาดของสายเล็กและน้ำหนักเบา |
1. ราคาแพง (High Cost)
2. การติดตั้งต่อสายยุ่งยาก (Difficulty Taps)
3. มีความไม่เชื่อถือจากผู้ใข้เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ (Fear of new technology) |
2. การนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กร มีประโยชน์อย่่างไร
ตอบ สามารถนำเสนอข่าวสารต่าง
ๆ ของหน่วยงาน องค์กร และบุคคลต่าง ๆ ที่ต้องการจะเผยแพร่ข่าวสารไปยังบุคคลอื่น ๆและสามารถนำงานที่อนุญาตให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงแฟ้มข้อมูลต่าง
ๆ ที่เก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใด ๆ
เหมือนกับว่าเป็นแฟ้มข้อมูลในเครื่องของตนเอง โดยสามารถทำการคัดลอก ลบ
หรือถ่ายโอนมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง (download) หรือนำแฟ้มข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ตนเองไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
(upload) เราอาจเรียกงานบริการนี้ว่า การถ่ายโอนข้อมูล
(file transfer)
3. หากนำระบบเครือ่ขายมาใช้ในองคก์กรนักศึกษาจะเลือกรูปแบบของระบบเครือข่าย (LAN
Topology)แบบใดเพราะอะไร
ตอบ แบบ Wide Area Network เพราะองค์กรผมมีเครือข่ายองค์กรที่ต่างประเทศด้วย
ต้องมีการส่งข้อมูล
และติดต่อสื่อสารกัน เพื่อพัฒนาองค์กรต่อไป
4. อินเทอร์เน็ตมีข้อดีต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร
ตอบ การเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การค้นหาข่าวสาร ข้อมูลต่างๆเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน มี web site ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ละ web site ก็ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องต่างๆ รูปแบบระบบห้องสมุดก็มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนเป็น digital
library ที่มีหนังสือในเรื่องต่างๆเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ให้อ่านและค้นคว้าได้ online การใช้ email ช่วยให้การติดต่อข่าวสารระหว่างนักวิชาการเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ล่าช้าเหมือนแต่ก่อน ช่วยให้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง นักวิชาการในสาขาเดียวกันทั่วโลกเป็นไปได้ การเรียนแบบ online ยังช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนได้ตามขีด ความสามารถของตนเอง ใครมีความสามารถมากก็เรียนได้เร็วกว่า นักเรียนที่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในห้อง ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้มากขึ้นผ่านการใช้email หรือ discussion group
การบ้านครั้งที่ 5
บทที่ 5
จริยธรรมสารสนเทศและสิทธิทางปัญญา
1.อาชญากรรมคอมพิวเตอร์คืออะไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ คือ การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกระทำผิดทางอาญา เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น ระบบคอมพิวเตอร์ในที่นี้หมายรวมถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบดังกล่าวด้วยตัวอย่างเช่น นายเอกพันธ์ กุมมาน้อย อายุ 23 ปี ผู้ก่อเหตุได้ทำการแฮกข้อมูลบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยการทดลองคาดเดาพาสเวิร์ดของลูกค้าธนาคารที่ทำธุรกรรมการเงินทางระบบอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ เนื่องจากบุคคลทั่วไปที่ทำธุรกรรมการเงินมักจะใช้พาสเวิร์ดที่ค่อนข้างง่ายต่อการคาดเดา เช่น ใช้เลขเรียงหรือเลขตอง เมื่อแฮกข้อมูลบัญชีธนาคารได้แล้ว ก็จะทำธุรกรรมการเงินโดยการซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือและเติมเงินเกมส์ออนไลน์
2. อธิบายความหมายของ
2.1 Hacker คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ เป็นอย่างมาก จนถึงระดับที่สามารถถอดหรือเจาะรหัสระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคนอื่นได้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการทดสอบขีดความสามารถของตนเอง หรือทำในหน้าที่การงานของตนเอง เช่น มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์ของเครือข่าย หรือองค์กร แล้วทำเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ
2.2 Cracker คือบุคคลที่บุกรุกหรือรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลด้วยเจตนาร้าย crackerเมื่อบุกรุกเข้าสู่ระบบ จะทำลายข้อมูลที่สำคัญทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ หรืออย่าง น้อยทำให้เกิดปัญหาในระบบคอมพิวเตอร์ของเป้าหมาย โดยกระทำของ cracker มีเจตนามุ่งร้ายเป็นสำคัญ
2.3 สแปม คือ การส่งข้อความถึงผู้ที่ไม่ต้องการรับ ก่อให้เกิดความรำคาญ ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และผิดกฏหมาย ลักษณะของสแปม คือ ไม่ปรากฏชื่อผู้ส่ง (Anonymous) ส่งโดยไม่เลือกเจาะจง (Indiscriminate) และ ส่งได้ทั่วโลก (Global) การ SPAM มีทั้ง การสแปมเมล์ (Spam Mail) และ การสแปมบอร์ด ( Spam Board )
2.4 ม้าโทรจัน คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกบรรจุเข้าไปในคอมพิวเตอร์ เพื่อลอบเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น เช่น ข้อมูลชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน เลขที่บัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่แฮกเกอร์จะส่งโปรแกรมเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อดักจับข้อมูลดังกล่าว แล้วนำไปใช้ในการเจาะระบบ และเพื่อโจมตีคอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์, หรือระบบเครือข่ายอีกที ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อการโจมตีเพื่อ "ปฏิเสธการให้บริการ" (Denial of Services)
2.5 สปายแวร์ คือ โปรแกรมที่แอบเข้ามาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่ผู้ใช้อาจไม่ได้เจตนา แล้วเป็นผลให้สปายแวร์กระทำสิ่งต่อไปนี้ เช่น
- อาจส่งหน้าต่างโฆษณาเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา (ป๊อบอัพ) ขณะที่คุณใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่
- เมื่อคุณเปิดเว็บบราวเซอร์ เว็บบราวเซอร์จะทำการต่อตรงไปยังเว็บไซต์หลักของตัวสปายแวร์ที่ถูกตั้งค่าให้ลิ้งก์ไป
- สปายแวร์อาจทำการติดตามเว็บไซต์ที่คุณเข้าไปเยี่ยมชมบ่อยๆ
- สปายแวร์บางเวอร์ชั่นที่มีลักษณะรุกรานระบบจะทำการติดตามค้นหา คีย์ หรือ รหัสผ่าน ที่คุณพิมพ์ลงไปเมื่อทำการ log in เข้าแอคเคาน์ต่างๆ
- เมื่อคุณเปิดเว็บบราวเซอร์ เว็บบราวเซอร์จะทำการต่อตรงไปยังเว็บไซต์หลักของตัวสปายแวร์ที่ถูกตั้งค่าให้ลิ้งก์ไป
- สปายแวร์อาจทำการติดตามเว็บไซต์ที่คุณเข้าไปเยี่ยมชมบ่อยๆ
- สปายแวร์บางเวอร์ชั่นที่มีลักษณะรุกรานระบบจะทำการติดตามค้นหา คีย์ หรือ รหัสผ่าน ที่คุณพิมพ์ลงไปเมื่อทำการ log in เข้าแอคเคาน์ต่างๆ
3. จงยกตัวอย่างกฎหมาย ICT หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง จงอธิบายถึงการกระทำผิดและบทลงโทษ มา 5 ตัวอย่าง
ตอบ
-กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมอินเทอร์เน็ต
-กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
-กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
-กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
-กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
-กฎหมายลำดับรอง รัฐธรรมนูญ มาตรา 78 หรือกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ
การกระทำผิดและบทลงโทษ
มาตรา 44 ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่แจ้งหรือขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาตาม มาตรา 33 วรรคหนึ่ง หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการประกอบธุรกิจของคณะกรรมการตาม มาตรา 33 วรรคหก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 45 ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตาม มาตรา 34 ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 45 ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตาม มาตรา 34 ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์น้ันมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่ เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าท้ังหมดหรือบางสวนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น